สภาเกษตรกรแห่งชาติ เปิดเวที ระดมผู้ทรงคุณวุฒิ จากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน หารือร่วมเดินหน้ าหาทางออกในงานเสวนา “ทางออก.....วิกฤตภัยแล้ง” ๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๗ กรกรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ ห้องประชุม Convention Hall ๒ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เพื่อเร่งหาทางบรรเทาความเดื อดร้อนของเกษตรกร ทั้งเรื่องบริหารจัดการน้ำ มาตรการแก้ไขปัญหาการทำเกษตร และแนวทางรับมือภัยพิบัติภายใต้ อิทธิพลของเอลนีโญ่ ในระยะเร่งด่วนและระยะยาว
นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวถึงการจัดเสวนา “ทางออก.....วิกฤตภัยแล้ง”๒๕๕๘ ซึ่งสภาเกษตรกรแห่งชาติ ร่วมกับ สมาคมอุทกวิทยาไทย สมาคมนักเรียนเก่าสถาบัน AIT (ประเทศไทย) และสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จัดเสวนา“ทางออก.....วิกฤตภั ยแล้งขึ้น เพื่อระดมความคิดเห็นและรับฟั งข้อเสนอแนะจากผู้ที่เกี่ยวข้ องด้านการผลิต ด้านนโยบาย ด้านการวางแผนการบริหารจัดการน้ ำ ในการนำเสนอต่อรัฐบาล และร่วมกันหาแนวทางในการช่ วยเหลือเกษตรกรที่ประสบกั บภาวะภัยแล้งของการเพาะปลูกข้ าวนาปี ปี 2558/59 ซึ่งทางสภาเกษตรกรแห่งชาติ ได้ตระหนักถึงปัญหาและความเดื อดร้อนของเกษตรกรโดยเฉพาะอย่ างยิ่งในพื้นที่เขตลุ่มน้ำเจ้ าพระยา ขณะนี้ได้เกิดวิกฤตภัยแล้ง จากอิทธิพลของปรากฏการณ์เอลนี โญ่ ส่งผลให้ฝนทิ้งช่วงหรือฝนตกน้ อยในเดือนมิถุนายนถึงกลางเดื อนกรกฎาคม 2558 เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่ อทำการเกษตร และน้ำอุปโภค บริโภค ในหลายพื้นที่
นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าในปี ๒๕๕๘ ฝนทิ้งช่วงยาวนาน ทำให้เกิดปัญหาภัยแล้ง และอาจจะหนักกว่าปี ๒๕๔๐ ที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรประสบปั ญหาในการทำการเกษตร ดังนั้นภาครัฐควรต้ องหาแนวทางในการให้ความช่วยเหลื อเกษตรกรโดยเร่งด่วน รวมทั้งออกมาตรการประหยัดการใช้ น้ำของคนเมืองให้เป็นรูปธรรม โดยให้คนเมือง (กรุงเทพฯ) ลดการใช้น้ำเหลือครึ่งหนึ่งเพื่ อเป็นการประหยัดน้ำ ในส่วนภาคการเกษตรก็ต้องปรับตั วในการปรับเปลี่ยนพืชที่ จะทำการเพาะปลูกเป็นพืชที่ใช้น้ ำน้อย อายุสั้น รวมทั้งปรับเปลี่ยนการเพาะปลู กไปเป็นเกษตรผสมผสาน เพื่อลดความเสียหายที่คาดว่ าจะเกิดขึ้นกับผลผลิตข้าวนาปี ซึ่งการจัดเสวนาครั้งนี้ สภาเกษตรกรแห่งชาติได้เชิญผู้ ทรงคุณวุฒิมาร่วมให้ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ ในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่เกิ ดขึ้น คือ ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ ำ กรมชลประทาน กับเรื่องของข้อจำกัดของลุ่มน้ ำเจ้าพระยา ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการน้ ำในมิติต่างๆ รศ.ดร. เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยศูนย์การเปลี่ยนแปลงภู มิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่จะมาให้ข้อเสนอแนะที่น่ าสนใจเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติ จากภัยแล้ง ภายใต้อิทธิพลของ เอลนีโญ่ ในระยะยาว และนายวิเชียร พวงลำเจียก นายกสมาชาวนาและเกษตรกรไทย เกี่ยวกับเรื่องความเดือดร้ อนของเกษตรกรและขอให้ภาครั ฐหามาตรการให้ความช่วยเหลือในปั ญหาภัยแล้ง นอกจากนี้ มีผู้แทนเกษตรกรและสถาบั นเกษตรกร ที่จะมาร่วมกันระดมความคิดเห็ นเกี่ยวกับการรับรู้ภัยแล้งที่ เกิดขึ้น ความต้องการความจำเป็นขั้นพื้ นฐานจากภาครัฐของเกษตรกร/สถาบั นเกษตรกร การสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อรั บรู้ภัย การเสวนานี้ได้ข้อสรุปถึ งมาตรการเร่งด่ วนและมาตรการระยะยาว ดังนี้
มาตรการเร่งด่วน
๑. ภาครัฐควรออกมาตรการช่วยเหลื อเกษตรกร
๑.๑ เกษตรกรที่ทำนาตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ขอให้ภาครัฐช่วยเหลือตามความเป็ นจริงที่เกษตรกรปลูก
๑.๒ เกษตรกรที่มิได้ทำนา
๒. ภาครัฐควรจัดหาปัจจัยการผลิตให้ เกษตรกรเพื่อเตรียมเพาะปลู กในฤดูกาลต่อไป เช่นเมล็ดพันธ์ ปุ๋ย
๓. ภาครัฐควรที่จะเจาะบ่อบาดาลในพื ้นที่ทำนาของเกษตรกร โดยมอบค่าใช้จ่ายให้เกษตรกรเป็ นผู้ดำเนินการเอง
๔. ภาครับควรมีมาตรการแบ่งปันน้ ำระหว่างคนเมืองกับชาวนา โดยอนุญาตให้ชาวนาสูบน้ำได้สั ปดาห์ละ ๒ ครั้งต่อวัน และรณรงค์ให้คนเมืองประหยั ดการใช้น้ำ
๕. ธกส .ควรเพิ่มวงเงินกู้ให้แก่ เกษตรกร ในกรณีที่เกษตรกรกู้เงิ นจากธนาคารเต็มวงเงิ นและควรชะลอการพักหนี้
๖. ภาครัฐควรที่จะงดการเก็บกองทุ นหมู่บ้านในรอบการจ่ายเงินกองทุ นปี ๕๙
๗. ภาครัฐควรมีมาตรการควบคุมค่าเช่ านาจากเจ้าของนาให้เป็นธรรม ในกรณีที่มิได้ทำนา
มาตรการระยะยาว
๑. ภาครัฐควรที่จะจัดทำแก้มลิงทุ กจังหวัด
๒. ภาครัฐควรดำเนินการลอกหนองคลอง บึง ธรรมชาติเพื่อเก็บกักน้ำ
๓. การจัดตั้งกองทุนหมุนเวียนให้ ชาวนา
๔. ภาครัฐควรที่จะสนับสนุนเงินทุ นให้เกษตรกรขุดสระน้ำในไร่นา
๕. ภาครัฐควรที่จะผันน้ำจากแม่น้ ำสาระวินเข้าเขื่อนภูมิพล
๖. ภาครัฐควรที่จะดำเนินการโครงการ โขง-ชี-มูล ให้เป็นรูปธรรม
๗. ภาครัฐควรให้เกษตรกรมีส่วนร่ วมในการบริหารการจัดการน้ำ
ซึ่งมาตรการดังกล่ าวทางสภาเกษตรกรจะนำเสนอต่ อภาครัฐในการพิจารณาช่วยเหลื อเกษตรกร
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น