วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2559

"เหตุผลที่เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของหลวงพ่อธัมมชโย" ชี้แจงข้อกล่าวหาวัดพระธรรมกายและพระธัมมชโย ผ่านการถวายฎีการ้องทุกข์ ฉบับเต็ม








วัดพระธรรมกาย
ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง
จังหวัดปทุมธานี ๑๒๑๒๐
๙ ธันวาคม ๒๕๕๙

เรื่อง กราบบังคมทูลฯ ถวายฎีการ้องทุกข์ ขอพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม ระงับเหตุรุนแรงอันจะบังเกิดขึ้นได้ ระหว่างผู้ถือครองอำนาจรัฐกับสถาบันพระพุทธศาสนา

กราบบังคมทูลฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่เคารพรักยิ่งของปวงชนชาวไทย

ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าเหล่าพสกนิกรผู้มีรายนามข้างท้ายนี้ ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตกราบบังคมทูล เพื่อทรงทราบถึงความทุกข์ร้อนแสนสาหัส ดังนี้

๑.     วัดพระธรรมกายมีจุดเริ่มต้นจากคุณยายอาจารย์อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ศิษย์เอกด้านธรรมปฏิบัติของพระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ) ได้สอนธรรมปฏิบัติแก่ศิษยานุศิษย์ ในจำนวนนั้นมีพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมฺมชโย) ซึ่งได้มาปฏิบัติธรรมกับคุณยายอาจารย์อย่างสม่ำเสมอทุกวันตั้งแต่ ปี พ..๒๕๐๖ เมื่อเรียนจบคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงได้ตั้งใจบรรพชาอุปสมบทตลอดชีวิต เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม พ..๒๕๑๒ ต่อมาได้รับบริจาคที่ดินจานวน ๑๙๖ ไร่ จากคุณหญิงประหยัด แพทยพงศาวิสุทธาธิบดี จึงได้บุกเบิกสร้างเป็นวัดพระธรรมกายขึ้น ศิษยานุศิษย์ท่านอื่นๆของคุณยายอาจารย์ก็ได้ทยอยอุปสมบทเพิ่มขึ้นตามลำดับ เมื่อเสนาสนะมีความพร้อมในระดับหนึ่งแล้วจึงได้ยื่นเรื่องขอจัดตั้งเป็นวัด และได้รับอนุญาตจัดตั้งเป็นวัดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.. ๒๕๒๐ โดยมีพระอธิการไชยบูลย์ ธัมฺมชโย เป็นเจ้าอาวาส ได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างอุโบสถ เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๒๐ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์เสด็จแทนพระองค์ (สิ่งที่ส่งมาด้วย ๑) นอกจากนี้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเททองหล่อพระประธานเมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๒๒ (สิ่งที่ส่งมาด้วย ๒) และยังได้พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้พระอธิการไชยบูลย์ ธัมฺมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และพระเผด็จ ทัตฺตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ เพื่อรับพระราชทานทุนทรัพย์บำรุงวัด เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๒๕ ณ พระราชวังสระปทุม (สิ่งที่ส่งมาด้วย ๓) และตรัสมอบหมายให้ช่วยกันอบรมศีลธรรมแก่เยาวชนของชาติให้กว้างขวางด้วย ซึ่งทั้งเจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายก็ได้น้อมรับพระราชดำรัส และตั้งใจปฏิบัติหน้าที่เผยแผ่พระธรรมแก่เยาวชนอย่างเต็มกำลังตลอดมา

นอกจากนี้สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ได้เสด็จบำเพ็ญพระราชกุศล ถวายปัจจัยบำรุงพระพุทธศาสนาเป็นการส่วนพระองค์ ณ วัดพระธรรมกาย เมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๒๗ (สิ่งที่ส่งมาด้วย ๔)

และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารได้เสด็จเป็นองค์ประธานในงานทอดกฐินสามัคคี ณ วัดพระธรรมกายเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ (สิ่งที่ส่งมาด้วย ๕) และเสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเททองหล่อรูปเหมือนทองคำพระมงคลเทพมุนี (สด จันฺทสโร) เมื่อวันมาฆบูชา ปี พ.. ๒๕๓๙ ณ วัดพระธรรมกาย


. ด้วยพระบารมีของพระบรมราชจักรีวงศ์ การทำงานของวัดพระธรรมกายได้ก้าวหน้ามาโดยลำดับ โดยพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมฺมชโย) เจ้าอาวาสได้นำคณะสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา และคณะศิษยานุศิษย์ ทุ่มเททำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ปลูกฝังศีลธรรมแก่ประชาชนและเยาวชนอย่างเต็มกำลังสนองพระราชดำริ ฯ มีกิจกรรมเผยแผ่พระพุทธศาสนาจำนวนมาก อาทิ
- ร่วมกับคณะสงฆ์ทั่วประเทศจัดโครงการอุปสมบทหมู่ ๑๐๐,๐๐๐ รูปทุกหมู่บ้านทั่วไทย ปีละ ๒ ครั้ง
- ร่วมกับคณะสงฆ์ทั่วประเทศจัดโครงการบรรพชาสามเณร ๑ ล้านรูป
- จัดโครงการอบรมอุบาสิกาแก้ว ๑ ล้านคน
- สนับสนุนโครงการเด็กดีวีสตาร์ ฝึกอบรมเยาวชนให้มีนิสัยดี มีความกตัญญู รับผิดชอบ ปีละ ๑ ล้านคน
- จัดพิธีบำเพ็ญกุศลแด่ผู้เสียชีวิตจากภัยสึนามิเมื่อปี พ..๒๕๔๗ ที่จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดพังงา
- จัดทอดกฐินสัมฤทธิ์ปีละเกือบพันวัด แก่วัดที่ยังไม่มีเจ้าภาพรับทอดกฐินทั่วประเทศ
- จัดทอดผ้าป่า ๓๒๓ วัด ใน ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นประจำทุกเดือน มากว่า ๑๐ ปีแล้ว และจะทำต่อไปจนกว่าไฟใต้จะดับ
- จัดตั้งกองทุนหนุนแรงใจช่วยครูใต้เป็นประจำทุกเดือน
- จัดตักบาตรใหญ่ทั่วประเทศ เพื่อส่งเครื่องอุปโภคบริโภคไปช่วยคณะสงฆ์ ทหาร ตำรวจ ครู และประชาชนใน ๔ จังหวัดภาคใต้
- สร้างวัดไทยในต่างประเทศจำนวน ๙๕ แห่ง ใน ๓๒ ประเทศ
- เชิญชวนประชาชนให้มาสวดมนต์ นั่งสมาธิ ฟังธรรม ที่วัดทุกวันอาทิตย์ ในวันสำคัญทางศาสนามีประชาชนมาปฏิบัติธรรมครั้งละหลายแสนคน
ฯลฯ


. วัดพระธรรมกายเป็นวัดในพระพุทธศาสนาตามกฎหมาย โดยมีพระเทพญาณมหามุนีเป็นเจ้าอาวาสมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินกิจการพระพุทธศาสนาตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม พ.. ๒๕๓๕ วัดพระธรรมกายมีโครงการในการขยายงานก่อสร้าง ศาสนสถานหลายประการ เช่น โครงการก่อสร้างที่พักสงฆ์ ที่ปฏิบัติธรรม โครงการเผยแผ่ฯทั้งภายในและต่างประเทศ โดยปัจจัยได้มาจากการรับบริจาคจากสาธุชนที่มีจิตศรัทธาเป็นหลัก ตลอดระยะเวลา ๔๐ กว่าปีที่ผ่านมา วัดพระธรรมกายได้รับเงินบริจาคจากสาธุชนจำนวนนับล้านคนแล้วนำมาใช้จ่ายในกิจการสาธารณกุศลต่างๆ มาโดยตลอด รวมมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งทางวัดได้นำมาใช้จ่ายในการก่อสร้างศาสนสถานให้สามารถรองรับพุทธศาสนิกชนที่มาปฏิบัติธรรมพร้อมกันได้คราวละ ๑ ล้านคน ซึ่งศาสนสถานเหล่านี้เป็นสมบัติของประเทศชาติและพระพุทธ

ศาสนา นอกจากนี้ยังมีโครงการเผยแผ่ธรรมะสู่ประชาชนและเยาวชนจานวนนับสิบล้านคนมาตลอด มีผลงานเป็นรูปธรรมประจักษ์ชัดปรากฏสู่สาธารณะเป็นที่รับรู้รับทราบโดยทั่วไป


. เงินที่วัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนีได้รับบริจาคโดยเช็คสหกรณ์ฯ จากนายศุภชัยจำนวน ๑,๐๕๕,๕๖๐,๐๐๐ บาท เป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่ได้รับบริจาคจากสาธุชนทั่วโลก วัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนีจึงไม่มีความจำเป็นที่จะไปร่วมกระทำความผิดกับนายศุภชัยฐานฟอกเงินหรือรับของโจรแต่อย่างใด


. หากวัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนีเป็นผู้ที่ร่วมกันกระทำความผิดกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจรตามข้อกล่าวหา ผู้กระทำจะต้องรู้อยู่แล้วว่า เมื่อมีการนำเงินออกจากสหกรณ์โดยมิชอบกว่าหมื่นล้านบาท สหกรณ์ฯจะต้องขาดสภาพคล่องทางการเงินจนไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้หรือเกิดเป็นคดีความแน่นอน ดังนั้นผู้ร่วมกระทำความผิดจะต้องพยายามปกปิดซ่อนเร้นเส้นทางการเงินเพื่อไม่ให้ความผิดมาถึงตัว และหาทางถ่ายเทเงินกลับไปสู่ผู้ร่วมกระทาความผิด
แต่พระเทพญาณมหามุนีรับบริจาคโดยเปิดเผยท่ามกลางประชาชนเรือนหมื่นเรือนแสนและรับบริจาคมาเป็นเช็คสหกรณ์ซึ่งสามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้หมด หากเป็นผู้ที่สมคบกันกระทำความผิดจะไม่มีใครรับเงินมาด้วยวิธีการที่ไม่ชาญฉลาดหรือวิธีการที่เปิดเผยเช่นนี้อย่างแน่นอน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่ากรรมเป็นเครื่องส่อเจตนาหรือในทางกฎหมายก็มีคำกล่าวว่ากรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาพฤติกรรมจริงที่เกิดขึ้นนี้จึงเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า พระเทพญาณมหามุนีรับบริจาคมาโดยเปิดเผยและสุจริตในทางกุศลสาธารณะ เหมือนเช่นที่วัดอื่นๆ หรือพระภิกษุอื่นๆ ทั่วไปประพฤติปฏิบัติมา


. เงินบริจาคที่ได้รับมาทั้งหมด พระเทพญาณมหามุนีไม่ได้นำไปใช้ส่วนตัวเลยแม้แต่บาทเดียว และไม่มีการผ่องถ่ายหรือถ่ายเทคืนไปให้นายศุภชัยฯเลย จึงไม่ใช่การฟอกเงิน ซึ่งสามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ทั้งหมด เนื่องจากไม่เคยเบิกถอนเป็นเงินสดเลย แต่เป็นการโอนผ่านบัญชีไปให้วัดและมูลนิธิ เพื่อก่อสร้างศาสนสถานเป็นประโยชน์ในทางกุศลสาธารณะตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค ซึ่งสำนักงาน ปปง.ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้ว สิ่งนี้แสดงถึงเจตนาสุจริตของพระเทพญาณมหามุนี
นอกจากนี้ การบริจาคทานโดยมีวัตถุประสงค์ เป็นนิติสัมพันธ์ และเป็นนิติกรรมที่มีมูลหนี้ ซึ่งทางวัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนีจะต้องนำเงินที่ได้รับบริจาคดังกล่าวไปดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาครวมถึงนายศุภชัยฯ ซึ่งหากไม่ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค ก็อาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายได้


. พระเทพญาณมหามุนีอุปสมบทมาแล้ว ๔๘ พรรษา ปัจจุบันอายุ ๗๓ ปี มีอาการอาพาธเรื้อรัง และอยู่ในช่วงปลายของชีวิต ได้ปฏิบัติธรรมทำความดีมาตลอดชีวิต สร้างพระภิกษุสามเณร สร้างวัด สร้างคนให้เป็นคนดี สนับสนุนงานของการคณะสงฆ์ส่วนรวม มีผลงานการเผยแผ่พระพุทธศาสนามากมาย เป็นที่ประจักษ์ชัดต่อสาธารณชนทั่วไป จึงมีศิษยานุศิษย์ที่มีจิตศรัทธาในตัวท่านจำนวนมากบริจาคปัจจัยเป็นการส่วนตัวแก่พระเทพญาณมหามุนีนับรวมแล้วมีจำนวนกว่าสองหมื่นล้านบาท ซึ่งท่านสามารถเบิกไปใช้ได้ตามประสงค์ แต่ท่านก็ไม่เคยถอนเป็นเงินสดออกมาเพื่อใช้จ่ายส่วนตัวเลยแม้แต่บาทเดียว ปัจจัยทั้งหมดได้โอนผ่านบัญชีบริจาค

แก่วัดและมูลนิธิเพื่อประโยชน์แก่สาธารณะและพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น ซึ่งมีหลักฐานทางการเงินสามารถตรวจสอบได้
จึงไม่มีเหตุจูงใจให้พระเทพญาณมหามุนีกระทำความผิดฐานฟอกเงินและรับของโจรกับเงินเพียง ๓๐๐ กว่าล้านบาท ในเมื่อปัจจัยที่ญาติโยมถวายท่านเป็นการส่วนตัวกว่าสองหมื่นล้านบาท ซึ่งท่านสามารถเบิกไปใช้ได้ตามต้องการ ท่านยังไม่เคยเบิกไปใช้ส่วนตัวเลย แต่ได้นำมาทำบุญบริจาคสร้างวัดและเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปทั้งหมด


. ตลอดชีวิตที่ผ่านมา พระเทพญาณมหามุนี ได้สร้างศาสนสถานเป็นสมบัติของพระพุทธศาสนาและประเทศชาติมูลค่ากว่า ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท สร้างพระภิกษุผู้ตั้งใจบวชอุทิศชีวิตจำนวนร่วม ๔,๐๐๐ รูป สร้างอุบาสก อุบาสิกา ญาติโยมผู้มีศรัทธาอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาหลายล้านคน
ผู้ที่มีจิตไม่บริสุทธิ์ มาบวชเพราะหวังลาภสักการะ มีเจตนาทุจริต จะไม่ทำอย่างที่พระเทพญาณมหามุนีทา และก็ทำไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องทำด้วยชีวิต ทุ่มเทจิตใจทั้งหมดลงไป
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าศีลรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วมคนอยู่ด้วยกันจะรู้นิสัยกัน ย่อมไม่สามารถปิดบังนิสัยที่แท้จริงได้ พระเทพญาณมหามุนีเป็นคนอย่างไร อุบาสก อุบาสิกา พระภิกษุ สามเณร ในวัดที่อยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีต้องรู้ ไม่มีทางปกปิดกันได้ ถ้าท่านไม่ดีจริง พระภิกษุ อุบาสก อุบาสิกาในวัดซึ่งมีความรู้ความสามารถ สำเร็จการศึกษาตั้งแต่ปริญญาตรี ถึงปริญญาเอก จะไม่มีจิตศรัทธาอุทิศชีวิตตนเพื่อพระพุทธศาสนาตามแบบอย่างของท่านอย่างเช่นทุกวันนี้ ชีวิตของใครๆ ก็รัก จะยอมอุทิศชีวิตตนก็ต่อเมื่อแน่ใจแล้วว่าสิ่งนั้นดีจริงเท่านั้น


. กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินคดีนายศุภชัย ศรีศุภอักษรกับพวก ในข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์ (เงินในบัญชี) ของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด จำนวนเงิน ๑๑,๓๖๗ ล้านบาท เป็นคดีพิเศษที่ ๑๔๖/๒๕๕๖ โดยวิธีการร่วมกันสั่งจ่ายเช็คของสหกรณ์ จำนวน ๘๗๘ ฉบับ ให้แก่บุคคลและนิติบุคคลจำนวนมาก ซึ่งพระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกายได้รับเช็คจากนายศุภชัยซึ่งนำมาบริจาคเป็นสาธารณกุศล เพื่อสร้างศาสนสถานและศาสนวัตถุ จำนวน ๒๑ ฉบับ เป็นเงินจำนวน ๑,๐๕๕,๕๖๐,๐๐๐ บาท โดยแยกเป็นบริจาคให้แก่วัดพระธรรมกายจำนวน ๑๑ ฉบับ เป็นจำนวนเงิน ๖๖๘,๔๐๐,๐๐๐ บาท และบริจาคให้แก่พระเทพญาณมหามุนี จานวน ๑๐ ฉบับ เป็นจำนวนเงิน ๓๘๗,๑๖๐,๐๐๐ บาท

เมื่อเกิดเหตุการณ์เป็นคดีความขึ้นจนเรื่องลุกลามบานปลาย วัดพระธรรมกายจึงได้ตามนายศุภชัย มาสอบถามว่า ตกลงเงินที่นำมาบริจาคให้กับวัดและพระเทพญาณมหามุนีนั้นได้มาจากไหน นายศุภชัยตอบว่า ยืมมาจากสหกรณ์ฯโดยถูกต้องตามระเบียบสหกรณ์ฯ และได้มีการคืนเงินที่ยืมจำนวนดังกล่าวให้แก่สหกรณ์ฯเสร็จสิ้นแล้ว โดยมีหลักฐานคือ ผลการสอบบัญชีประจำปีและการรับรองของที่ประชุมใหญ่ของสหกรณ์ฯ ซึ่งนายศุภชัยฯ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนให้สังคมทราบความจริงด้วยแล้ว (รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ๖)
ต่อมาสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ได้ฟ้องดำเนินคดีกับนายศุภชัยและผู้ที่รับเช็คจากนายศุภชัยรวม ๓๒ ราย โดยฟ้องเป็นคดีแพ่งหลายคดี และได้ฟ้องคดีแพ่งกับวัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนี (พระธัมมชโย) เป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.๗๓๖/๒๕๕๗ ต่อศาลจังหวัดธัญบุรี และคดีหมายเลขดำที่ ๔๔๖๒/๒๕๕๗ และ ๓๖๒๘/๒๕๕๗ ต่อศาลแพ่ง  

คณะศิษย์วัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนี ได้เล็งเห็นว่าเงินจำนวนดังกล่าว วัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนี ได้มาโดยเปิดเผยและสุจริต และนำไปใช้ในการก่อสร้างศาสนสถานตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาคหมดแล้ว ซึ่งตามกฎหมายแล้ววัดไม่สามารถจะนำเงินของสาธุชนรายอื่นที่นำมาบริจาคทำบุญในเรื่องอื่นๆ มาคืนให้แก่สหกรณ์ฯได้ และวัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนีไม่จำเป็นต้องรับผิด แต่เรื่องนี้หากมีการต่อสู้คดีในศาลต่อไปก็จะเสียเวลามาก สร้างความเสียหายต่อวัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนี ตลอดจนสหกรณ์ฯและสมาชิกผู้ฝากเงิน

ทางคณะศิษย์ฯ จึงได้จัดตั้งกองทุนเฉพาะกิจลูกศิษย์วัดพระธรรมกายเพื่อช่วยเหลือวัดพระธรรมกาย พระราชภาวนาวิสุทธิ์หรือพระเทพญาณมหามุนีและสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จากัดโดยช่วยเหลือเยียวยาแก่สหกรณ์ฯเต็มจำนวนเงินที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ได้นำเช็คสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นมาบริจาคให้แก่วัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนี โดยได้จ่ายเงินให้สหกรณ์ฯตามข้อตกลงครั้งแรกจำนวน ๖๘๔.๗๘ ล้านบาท ครบจำนวนแล้วและสหกรณ์ฯ ได้รับไปครบถ้วนแล้ว และตามบันทึกข้อตกลงครั้งที่สองจำนวน ๓๗๐.๗๘ ล้านบาท ได้ตกลงทยอยจ่ายเดือนละ ๑ งวด รวม ๑๘ งวดๆ ละ ๒๐ ล้านบาท ยกเว้นงวดสุดท้ายจ่ายเป็นจำนวน ๓๐.๗๘ ล้านบาท เริ่มทยอยจ่ายตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้สหกรณ์ได้รับเงินแล้ว ๗ งวด เป็นเงิน ๑๔๐ ล้านบาท รวมเป็นเงินตามข้อตกลงทั้งสองครั้งจำนวน ๑,๐๕๕,๕๖๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันห้าสิบห้าล้านห้าแสนหกหมื่นบาท) โดยมีเงื่อนไขว่าหากเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วปรากฏว่าเงินที่นำมาบริจาคให้แก่วัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนีนั้น หากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ยืมมาจากสหกรณ์ฯและได้คืนแล้วจริง สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจะต้องคืนเงินที่เยียวยาทั้งหมดแก่คณะศิษย์วัดพระธรรมกาย

ทางสหกรณ์ฯ จึงได้ทำบันทึกข้อตกลงกับกองทุนเฉพาะกิจฯ และยื่นคำร้องขอถอนฟ้องวัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนี และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องไปแล้ว สหกรณ์ฯ จึงมีหนังสือไปถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และแถลงข่าวต่อสาธารณชน แสดงเจตนาว่า ไม่ติดใจดำเนินคดีกับวัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนี อีกต่อไปทั้งทางแพ่งและทางอาญา และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นยังได้มีหนังสือขอบคุณมายังคณะศิษย์วัดพระธรรมกายอีกด้วย รายละเอียดปรากฏตามบันทึกข้อตกลง, คำร้องขอถอนฟ้อง, หนังสือขอบคุณจากสหกรณ์ฯ, หนังสือสหกรณ์แจ้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไม่ติดใจดำเนินคดีอีกต่อไป, รายงานกระบวนพิจารณาของศาล, เอกสารแถลงข่าวของสหกรณ์ฯ, หนังสือสหกรณ์ฯ แจ้งสมาชิกและกองทุนเฉพาะกิจฯ เรื่องการได้รับเงินเยียวยาจากกองทุนฯ (รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ๗)
ความเสียหายของผู้เสียหาย ตามความผิดมูลฐานคือยักยอกทรัพย์ เมื่อได้รับเงินตามความผิดมูลฐานคืนไปครบถ้วนแล้ว ความเสียหายของผู้เสียหายที่เป็นสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด (เอกชน) ย่อมหมดสิ้นไปแล้ว คงเหลือเฉพาะความเสียหายของรัฐ ซึ่งในความเป็นจริงของเรื่องนี้ ด้วยความผิดมูลฐานของคดีนี้ เป็นกรณีการพิพาทของเอกชนกับเอกชน และเป็นความผิดที่ยอมความกันได้ และผู้เสียหายได้รับเงินคืนครบจำนวนแล้ว ผลกระทบของความเสียหายโดยตรงของรัฐจึงไม่มีแล้ว ถึงแม้องค์ประกอบตามกฎหมายกำหนดว่า

ความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและรับของโจรเป็นความผิดที่เป็นความเสียหายของรัฐ แต่เมื่อผู้เสียหายที่เป็นเอกชนไม่เสียหายแล้ว และตกลงไม่ติดใจเอาความต่อกัน คดีตามที่กล่าวหาจึงสิ้นสุดได้ในชั้นนี้


๑๐. สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ได้เคยนำการกระทำของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร กับพวก (ที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ตั้งเป็นคดีพิเศษที่ ๑๔๖/๒๕๕๖) มายื่นฟ้องต่อศาลอาญาและศาลแพ่ง ในข้อหายักยอกทรัพย์, ละเมิด ติดตามเอาทรัพย์คืน และต่อมาสหกรณ์ฯ ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องต่อศาล และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องแล้ว ดังนั้นเมื่อการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดต่อส่วนตัวและผู้เสียหายได้ถอนฟ้องไปแล้ว ย่อมถือว่าการกระทำของนายศุภชัยฯ กับพวก มีการดำเนินคดีถึงที่สุดแล้ว สิทธิในการนำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับสิ้นไป แต่ต่อมาสมาชิกสหกรณ์ฯบางคน ได้นำการกระทำตามมูลเหตุเดิม มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ดำเนินคดีขึ้นมาใหม่ และการที่พนักงานสอบสวนนำคดีซึ่งระงับสิ้นไปแล้ว มาสอบสวนดำเนินคดีในข้อหายักยอกทรัพย์อีกครั้ง จึงเป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย พนักงานอัยการจึงไม่สามารถพิจารณาคดีได้ (ปรากฏตามสำเนาคำฟ้องและคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องของศาล สิ่งที่ส่งมาด้วย ๘ )


๑๑. การตั้งข้อหาของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในกรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด มีประเด็นที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังนี้

๑๑.๑ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ตั้งข้อหานายศุภชัยฯ กับพวกในคดีพิเศษที่ ๒๗/๒๕๕๙ ว่าร่วมกันฟอกเงิน โดยอาศัยข้อหาฉ้อโกงประชาชนในคดีพิเศษที่ ๖๓/๒๕๕๗ เป็นความผิดมูลฐาน ซึ่งหากนายศุภชัยมีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนแล้ว เงินที่ได้มาย่อมไม่ใช่เงินของสหกรณ์ฯเพราะเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด เป็นเงินของกลางในคดีอาญา ซึ่งสหกรณ์ฯมีหน้าที่จะต้องคืนให้ประชาชนผู้เสียหายผู้ถูกหลอกลวง

๑๑.๒ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ตั้งข้อหานายศุภชัยฯกับพวกในคดีพิเศษที่ ๑๔๖/๒๕๕๖ ว่าลักทรัพย์นายจ้าง แสดงว่าทรัพย์นั้นเป็นของสหกรณ์ ซึ่งเป็นนายจ้างของนายศุภชัยฯ
จึงจะเห็นได้ว่า เจ้าของทรัพย์ในคดีพิเศษที่ ๑๔๖/๒๕๕๖ คือสหกรณ์ฯ ส่วนเจ้าของทรัพย์ในคดีพิเศษที่ ๖๓/๒๕๕๗ คือประชาชนผู้ถูกนายศุภชัยฯ หลอกลวง ซึ่งเป็นคนละคน ทั้งที่มีทรัพย์อยู่จำนวนเดียวกัน การดำเนินคดีทั้งสองคดีจึงมีความขัดแย้งกัน และเป็นการตั้งข้อหาที่ซ้ำซ้อนกันและขัดแย้งกันเอง ซึ่งเป็นนิติวิธีที่ไม่ชอบ

๑๑.๓ เมื่อข้อกล่าวหาตามข้อ ๑๑.๑ และ ๑๑.๒ ยังไม่เป็นที่ยุติหรือยังรับฟังไม่ได้ว่านายศุภชัยฯ กระทำความผิดฐานใด การที่พนักงานสอบสวนด่วนตั้งข้อกล่าวหาแก่พระเทพญาณมหามุนีว่า สมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร ย่อมเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย


๑๑.๔ กรณีดังกล่าวข้างต้น หากพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องในทุกคดีที่พนักงานสอบสวนได้สอบสวนมาแล้ว ก็จะเป็นการพิจารณาที่ซ้ำซ้อนหรือซ้ำสองในฐานความผิดเดียวกัน ตามหลักกฎหมายที่ว่าบุคคลจะไม่ถูกพิจารณาซ้ำสองในความผิดเดียว หรือที่เรียกว่า Non Bis In Idem ( Not twice for the same หรือ No double jeopardy” ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนี้ได้มีหลักกฎหมายและคำพิพากษาศาลฎีกาวินิจฉัยรองรับไว้ ปรากฏตามบทความ (สิ่งที่ส่งมาด้วย ๙)


๑๒. การดำเนินการของพนักงานสอบสวนในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และคดีอื่นที่เกี่ยวโยงกัน มีความไม่เป็นธรรมหลายประการ อาทิ
มีการแจ้งความดำเนินคดี และพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหาคณะศิษยานุศิษย์ที่ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อเยียวยาแก่สหกรณ์ฯคลองจั่น ว่ามีความผิดข้อหาเรี่ยไร ทั้งที่เงินนั้นก็เป็นเงินของศิษยานุศิษย์แต่ละท่าน และเสียสละมาเยียวยาแก่สหกรณ์ฯตามข้อตกลงในศาล และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องทั้งวัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนี อีกทั้งสหกรณ์ฯ มีหนังสือขอบคุณแก่คณะศิษยานุศิษย์ เจ้าหน้าที่ของรัฐแทนที่จะมอบรางวัลแสดงความชื่นชมในน้ำใจเสียสละให้กับศิษยานุศิษย์ แต่คณะศิษยานุศิษย์กลับถูกดำเนินคดีตกเป็นผู้ต้องหา แสดงถึงเจตนาในการหาเรื่องกลั่นแกล้ง ไม่เป็นธรรม


๑๓. นอกจากนี้ การกลั่นแกล้งพระเทพญาณมหามุนียังดำเนินต่อไป โดยพลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) ดำเนินคดีพระเทพญาณมหามุนี ข้อหาบุกรุกป่า ที่สวนป่าหิมวันต์ อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย โดยอ้างอิงความเห็นของนายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของศาล เป็นเหตุผลหลักในการดาเนินคดี ทั้งที่นายวิฑูรย์ฯ ซึ่งเคยเป็นอดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ และถูกลงโทษไล่ออกจากราชการเพราะทำความผิดฐานวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศบิดเบือนความจริง สร้างความเสียหายต่อราชการหลายกรรมหลายวาระ และสำนักงานศาลยุติธรรมไม่ต่อทะเบียนการเป็นผู้เชี่ยวชาญฯ ของศาลให้กับนายวิฑูรย์ฯ ดังนั้นนายวิฑูรย์ฯ จึงมิได้เป็นผู้เชี่ยวชาญฯของศาลอีกต่อไป ซึ่งทางวัดพระธรรมกายได้ขอให้นายวินัย สายปรีชา ผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของศาล วิเคราะห์ตรวจสอบ ปรากฏว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในเขตป่าแต่อย่างใด แต่เมื่อได้ส่งหลักฐานแก่ทางพนักงานสอบสวน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส. กลับตอบว่า เลือกที่จะเชื่อผลการวิเคราะห์ของนายวิฑูรย์ฯ ซึ่งมีประวัติพฤติกรรมมัวหมองร้ายแรงจนถูกไล่ออกจากราชการ และไม่เชื่อผลการวิเคราะห์ของนายวินัยฯ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญฯของศาล และขอออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนี

๑๔. นอกจากนี้ พลตำรวจเอกศรีวราห์ฯ ยังได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส. ดำเนินคดีกับพระเทพญาณมหามุนี ข้อหาสร้างสิ่งปลูกสร้างทับลำรางสาธารณะที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม เวิร์ล พีซ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยอ้างอิงผลการวิเคราะห์ของนายวิฑูรย์ฯ คนเดิม แต่เมื่อทางมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูงฯ ได้ขอให้ นาวาอากาศตรีวีระชัย วังกดิลก ผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์แผนที่ทางอากาศของศาล ตรวจสอบวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่ทหาร ปรากฏผลการวิเคราะห์ว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่มีลำรางสาธารณะ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.ก็ยืนยันว่า เลือกที่จะเชื่อผลการวิเคราะห์ของนายวิฑูรฯ ซึ่งไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญฯของศาลแล้ว และไม่เชื่อผลการวิเคราะห์ของนาวาอากาศตรีวีระชัยฯ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญฯของศาลที่แท้จริง และไปขอออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนีอีก ๑ ใบ

๑๕. พฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.โดยการนาของพลตำรวจเอกศรีวราห์ฯ ทำให้คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายมีความรู้สึกว่าพระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกายถูกกลั่นแกล้งดำเนินคดีโดยไม่เป็นธรรม สร้างความรู้สึกทุกข์ร้อนคับแค้นใจอย่างแสนสาหัส


๑๖. พลตำรวจเอกศรีวราห์ฯ ได้แถลงข่าวแก่สื่อมวลชนว่า ขณะนี้ได้เตรียมกาลังตำรวจ ๖ - ๗ กองร้อย พร้อมบุกเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย เพื่อจับกุมตัวพระเทพญาณมหามุนี โดยได้เตรียมสุนัขตำรวจ

เฮลิคอปเตอร์ หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด และได้ประสานไปยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์และโรงพยาบาลใกล้เคียงให้เตรียมแพทย์พยาบาล ส่อให้เห็นว่าจะใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามจับกุมคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่มาสวดมนต์นั่งสมาธิอยู่ในวัดจำนวนนับหมื่นคนด้วยความเป็นห่วงพระเทพญาณมหามุนี ซึ่งจะทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก จะกลายเป็นข่าวอื้อฉาวสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ประเทศชาติในสายตาชาวโลกอย่างยิ่ง และจะเป็นบาดแผลความขัดแย้งอย่างลึกซึ้ง ระหว่างสถาบันชาติกับสถาบันพระพุทธศาสนาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย


๑๗. ในช่วงเวลานี้เป็นห้วงเวลาพิเศษที่ชาวไทยทั้งประเทศรวมถึงคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้ร่วมใจกันจัดพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นประจำทุกวัน ยิ่งกว่านั้นยังเป็นโอกาสมหามงคลอันประเสริฐที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทย ควรจะเป็นห้วงเวลาที่ชาวไทยทุกคนได้สมานฉันท์เป็นหนึ่งเดียวกัน รักษาสังคมบ้านเมืองที่สงบสันติสุขเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเสริมพระบรมเดชานุภาพของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทให้ปรากฏแก่ชาวโลก ไม่ควรที่จะมีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น ซึ่งคณะศิษย์วัดพระธรรมกายได้ร่วมใจกันเจริญพระพุทธมนต์บทธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ครบจำนวน ๑๐,๑๐๑,๐๑๐ จบ เป็นครั้งแรกของโลกเพื่อเฉลิมฉลองเทิดพระเกียรติการขึ้นทรงราชย์เป็นรัชกาลที่ ๑๐ ในพระบรมราชจักรีวงศ์ ชองสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร


๑๘. ปวงข้าพระพุทธเจ้าเวลานี้เหลือที่พึ่งสุดท้ายหนึ่งเดียวที่จะพึ่งได้คือ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จึงจำต้องขอพระบรมราชานุญาตกราบบังคมทูลถวายฎีการ้องทุกข์ต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทอันเปรียบประดุจพระบิดาของประชาชนชาวไทยทั้งชาติ เพื่อขอพึ่งพระบารมีให้ยุติการดำเนินคดีที่มิชอบดังกล่าวข้างต้น และมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ความรุนแรงทำร้าย ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายต่อปวงข้าพระพุทธเจ้าผู้เป็นพสกนิกรของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิงและคนชรา

ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายชีวิตด้วยความจงรักภักดีต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ผู้ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจคนไทยทั้งชาติ

ควรมิควรประการใดสุดแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ


ข้าพระพุทธเจ้าเหล่าพสกนิกรผู้ถวายฎีการ้องทุกข์

ไม่มีความคิดเห็น :