วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประมวลท่าทีสื่อวิเคราะห์ผู้ก่อเหตุระเบิดราชประสงค์ พบบางสำนักพยายามเชื่อมโยงเอี่ยวการเมือง ต่างจากผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ









แม้การสืบสาวไปถึงผู้ก่อเหตุและผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความรุนแรงที่สี่แยกราชประสงค์จะอยู่ในขั้นตอนของการสืบหาพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาประมวลความเชื่อมโยง หาตัวผู้ก่อเหตุ  แต่ท่าทีสื่อไทยหลายสำนัก ได้นำเสนอไปในทำนองว่า รู้ตัวผู้อยู่เบื้องหลังและผู้ก่อเหตุการณ์ครั้งนี้แล้ว

โดยเฉพาะสื่อ ที่มีจุดยืนตรงกันข้ามกับฝ่ายประชาธิปไตย อย่าง “ไทยโพสต์” ที่พาดหัวข่าวไปในทำนองว่า น่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มอำนาจเก่า หรือผู้เสียผลประโยชน์กลุ่มเดิมๆที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล ตามการออกมาให้ความเห็นของทีมโฆษกรัฐบาลและโฆษกกองทัพ

ขณะที่สื่อไทยอีกหลายสำนักได้พาดหัวข่าวที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ “ข่าวสด” ที่พาดหัวข่าวว่า “บึ้มถล่มกรุง 16 ศพ ภาพวงจรปิดพบผู้ต้องสงสัยคล้ายแขกขาว-อุยกูร์ นั่งรถตุ๊กตุ๊กไปในที่เกิดเหตุ แต่เมื่อพบตำรวจ ก็สั่งให้ตุ๊กตุ๊กขับวนออกไป และกลับมาอีกครั้งพร้อมถุงพลาสติก ก่อนเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ศาลพระพรหม

ขณะที่หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” ก็รายงานในทำนองเดียวกันว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของตำรวจ พบผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวต่างชาติ ลักษณะคล้ายแขกขาว สวมเสื้อเหลือง กางเกงขาสั้น สะพายเป้สีน้ำเงิน และนำไปวางไว้ในที่เกิดเหตุ ก่อนระเบิดเพียง 1 นาที ซึ่งขณะนี้ตำรวจมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดหมดแล้ว

ทิศทางการรายงานของสื่อไทย 2 ฉบับ สอดคล้องกับการวิเคราะห์ของ โจนาธาน มาร์คัส ผู้สื่อข่าวด้านการทูตและการทหารของ BBC

ขณะเดียวกัน ศาลพระพรหมเอราวัณ สถานที่เกิดเหตุ ก็เป็นสถานที่ยอดนิยามของชาวจีน จึงอาจเป็นเป้าหมายของผู้ก่อเหตุได้  แต่ถึงอย่างไร การเคลื่อนไหวของกลุ่มอุยกูร์นอกประเทศจีนก็ไม่เคยมีเหตุรุนแรงเช่นกัน
ส่วนประเด็นข้อสงสัยอื่นๆ ดูเหมือนว่าโจนาธาน มาร์คัส จะให้น้ำหนักน้อยลงไป โดยวิเคราะห์ว่า ก่อนหน้านี้ ไม่มีเหตุการณ์การโจมตีครั้งใหญ่ในกรุงเทพ  ไม่เคยมีเป้าหมายในการโจมตีที่มุ่งให้เกิดการเสียชีวิตรุนแรง แต่ความเป็นไปได้อย่างหนึ่งคือ อาจเป็นฝีมือของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนทางภาคใต้ของไทย แต่ที่ผ่านมากลุ่มนี้ก็ไม่เคยใช้กรุงเทพฯเป็นเป้าหมายมาก่อน

ส่วนความขัดแย้งทางการเมือง ที่ผ่านมามีเพียงการก่อเหตุระเบิดเล็กๆน้อยๆเพื่อสร้างสถานการณ์เท่านั้น ไม่เคยมีความรุนแรงแบบนี้ และมีความเป็นไปได้น้อยมากที่เหตุการณ์นี้ จะเชื่อมโยงไปหากลุ่มหัวรุนแรง กับกลุ่มที่เรียกร้องรัฐอิสลาม อย่างกลุ่มไอเอส

จะเห็นได้ว่า การเสนอข่าวของสื่อมวลชน มีส่วนสำคัญในการชี้นำกระแสสังคม หรือ การทำงานของเจ้าหน้าที่ จึงไม่ควรใช้ความรู้สึกหรือทัศนคติทางการเมืองด่วนสรุป ทั้งที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง  แต่ควรเสนอไปตามพยานหลักฐาน และการตรวจพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ไม่เช่นนั้นจะเหมือนกับกรณีคาร์บอมห้างสรรพสินค้าที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ผู้บริหารด้านความมั่นคงหลายคนรีบสรุปทันทีว่าเป็นฝีมือของฝ่ายการเมือง หรือกลุ่มอำนาจเก่า โดยเฉพาะการเชื่อมโยงไปถึงเหตุการณ์ที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ไปเปิดงานรำลึกวีรชน  แต่เมื่อเหตุการณ์คลี่คลายกลับไม่พบว่ามีส่วนใดเชื่อมโยงใดๆกับฝ่ายการเมือง หรือกลุ่มอำนาจเก่า

จึงเป็นบทเรียนให้ทุกฝ่ายใช้สติ และควรรอการตรวจพิสูจน์จากเจ้าหน้าที่ ดีกว่าใช้กรณีความสูญเสียของประชาชน มาเป็นประเด็นทำลายความน่าเชื่อถือทางการเมือง

กองบรรณาธิการข่าว TV24  สถานีประชาชน






ไม่มีความคิดเห็น :