วันศุกร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2558

รายงาน..เส้นทางยิ่งลักษณ์ จากวันแรก ถึงวันถูกถอดถอนซ้ำครั้งที่4

       แม้เส้นทางระหว่างการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของนางสาวยิ่งลักษณ์  จะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่คำว่า ประชาชนและ ประชาธิปไตยล้วนเป็นใบเบิกทาง ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ โดดเด่น สง่างาม บนเส้นทางสายนี้ ท่ามกลางการจ้องทำลายล้างจากอำนาจนอกระบบ..

       นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร วีรสตรีนักประชาธิปไตย ที่จะถูกชาวโลกจารึกไว้เป็นตำนาน นับเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่  2 ของตระกูลชินวัตร ที่ถูกอำนาจเผด็จการ ประหารชีวิตทางการเมือง ด้วยการป้ายสีต่างๆนานา ต่อจากพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพี่ชาย

       และยังนับเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของฝ่ายประชาธิปไตย ที่ถูกอำนาจนอกระบบปลดออกจากตำแหน่ง นับจากนายกฯทักษิณ ที่ถูกรัฐประหาร นายกฯสมัคร สุนทรเวช ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญปลด เพราะทำกับข้าวออกทีวี นายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ศาลรัฐธรรมนูญเจ้าเดิม มีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคพลังประชาชน และตัดสิทธิทางการเมืองหัวหน้าพรรค ทำให้นายสมชาย ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรค ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยปริยาย

       เส้นทางการเมืองของนางสาวยิ่งลักษณ์ ถูกเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งนายกฯ ในฐานะปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ ของพรรคเพื่อไทย และชนะการเลือกตั้ง เมื่อปี 2554 ด้วยจำนวน ส.ส.265 ที่นั่ง นับเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ไทยที่พรรคการเมืองพรรคเดียวครองเสียงข้างมากในสภา ต่อจากพรรคไทยรักไทย ทั้งที่นางสาวยิ่งลักษณ์  ใช้เวลาหาเสียงเพียง 49 วัน และกติกาการเลือกตั้งขณะนั้น ล้วนมุ่งสกัดพรรคเพื่อไทยทุกวิถีทาง

       ตลอดการทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายบริหาร นางสาวยิ่งลักษณ์ มุ่งมั่น ตั้งใจทำงาน โดยไม่โต้งแย้งกับใคร แม้ในช่วงเวลา 2 ปี 9 เดือน 2 วันนั้น เป็นช่วงเวลาที่การเมืองไทยมีความขัดแย้งมากที่สุดช่วงหนึ่ง อุปนิสัยของนางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่ "คนดีแต่พูด" แต่เธอเน้นทำงานอย่างมืออาชีพ จากประสบการณ์การเป็นผู้บริหารบริษัทมูลค่าหลายพันล้านบาท สมกับที่เธอได้กล่าวถึงแนวทางการทำงานก่อนรับตำแหน่งนายกฯว่า "จะมุ่งแก้ไข ไม่แก้แค้น"

       ทำให้พรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ก็ได้ทำตามนโยบายที่หาเสียง อันเป็นสัญญาประชาคมที่ให้ไว้ต่อรัฐสภา หลายโครงการ ทั้งที่สานต่อนโยบายจากพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน และที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่ ประเทศไทยช่วงนั้น กลับมามีเครดิตอีกครั้งในสายตาชาวโลก สถานะความเป็นประชาธิปไตยมีอันดับดีขึ้น ที่สำคัญ ความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวไทยในเรื่องปากท้องก็ดีตามไปด้วย

       แต่ด้วยกลเกมการเมือง ในช่วงปลายปี 2556 การชุมนุมต่อต่านรัฐบาลของ ม็อบ กปปส. หรือ ม็อบประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองที่ไม่เคยชนะการเลือกตั้ง ถูกต่อยอดจากกลุ่มต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่แม้นางสาวยิ่งลักษณ์ สั่งถอนร่างทั้งหมดออกจากสภา และยุบสภาในเวลาต่อมา  แต่ กปปส. ก็ใช้โอกาสนี้ พยายามปลุกระดม การเมืองไทยให้เข้าสู่ภาวะสุญญกาศ เพรียกหาอำนาจนอกระบบ และยังมีกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดสั่งปลดนางสาวยิ่งลักษณ์ อย่างุนงง กรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรีด้วย

       จนเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม นางสาวยิ่งลักษณ์ ถูกยึดอำนาจ และล่าสุด ก็นำมาสู่การถอดถอนซ้ำซากอีก โดย สนช.ซึ่งถูกคณะรัฐประหารเองนั่นแหละ แต่งตั้งเข้ามา

       จึงนับเป็นนายกที่ถูกถอดถอนถึง 4 ครั้ง ซึ่งล้วนแต่เป็นกระบวนการยุติธรรมที่พิดเพี้ยนทั้งสิ้น

       ซึ่งแน่นอนว่า การถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ โดย สนช. ในโครงการรับจำนำข้าว ประชาชนทั้งประเทศ ทั้งรู้ทั้งเห็น จากการแถลงเปิด-ปิดคดี ที่ฝั่ง ป.ป.ช.โดยนายวิชา มหาคุณ แทบไม่มีพยานหลักฐานในการกล่าวหา เน้นใช้สำนวนโวหาร ใช้คำว่า ส่อออเพื่อถอดถอนอดีตนายกฯ ขณะที่อีกฝ่าย แม้มีข้อมูลข้อเท็จจริงพร้อมว่า "ไม่ผิด"..ทั้งประชาชนและนักกฎหมาย จึงได้เห็นบรรทัดฐานใหม่ ว่า "การเมืองไทย อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพื่อกำจัดตระกูลชินวัตร"

       แน่ล่ะ เมื่อ "ลงเรือแป๊ะ" แล้ว กระบวนการล๊อบบี้คะแนนถอดถอน จึงเกิดขึ้นในคืนก่อนวันลงมติ ในงานเลี้ยงสรรสรรค์ภายในของ สนช. อัดวาทกรรม "อย่าให้รัฐประหารเสียของ" เขย่าขวัญสมาชิก สนช.อย่างเต็มที่

       หนำซ้ำ ยังเลื่อนเวลาแถลงข่าวของอัยการสูงสุด ในการสั่งฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ในคดีจำนำข้าว สู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ชี้นำ ก่อนการลงมติ 1 ชั่วโมง

       นี่จึงไม่ใช่ครั้งแรก และครั้งสุดท้าย ที่นายกฯฝ่ายประชาธิปไตยจะถูกกระทำเช่นนี้ 
       
       และแม้นางสาวยิ่งลักษณ์ จะถูกถอดถอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอจะยังเป็นนายกรัฐมนตรีในดวงใจประชาชนตลอดกาล และตามมาด้วยอาการต่างสว่างของประชาชน ทั้งแผ่นดิน ก็ต้องคอยดูต่อไปว่า อีกฝั่ง จะหาทางจัดการประชาชนผู้ศรัทธาในตัวนางสาวยิ่งลักษณ์อย่างไร เพราะประชาชน คือผู้ปูทาง และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังนางสาวยิ่งลักษณ์ ตัวจริง เส้นทางของเธอ จึงดำเนินอยู่ในใจประชาชน ไม่ใช่เหยียบหัวประชาชน

                                            ทีมข่าว TV24 สถานีประชาชน รายงาน 
 

ไม่มีความคิดเห็น :