วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

นักวิชาการ TDRI วิเคราะห์ปมดราม่า 7-11 "ผูกขาด" หรือไม่?



                                          เรื่องกล้วยๆ กับการผูกขาด

เดือนเด่น นิคมบริรักษ์
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

       ในช่วงที่ผ่านมา มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชี่ยลมีเดียเกี่ยวกับพฤติกรรมของร้านสะดวกซื้อของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่สังคมมองว่าไม่เป็นธรรมกับซัพพลายเออร์รายย่อยจนถึงขั้นมีการรณรงค์ให้งดซื้อสินค้าจากร้านค้าดังกล่าว  และมีการเรียกร้องให้รัฐเข้ามาตรวจสอบพฤติกรรมที่มีลักษณะที่เป็นการ ผูกขาด” ในฐานะที่เป็นผู้ที่คลุกคลีกับกฎหมายแข่งขันทางการค้ามาเป็นเวลายาวนาน  จึงขอนำเสนอข้อมูล ข้อวิเคราะห์และความเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวที่อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เกาะติดเรื่องนี้

        ผู้เขียนขอนำเสนอบทความสามส่วน ส่วนแรกเป็นการรวบรวมข้อมูลที่มีอยู่เกี่ยวกับประเด็นพฤติกรรมทางการค้าที่สังคมเห็นว่าไม่เป็นธรรม ส่วนที่สองเป็นการวิเคราะห์ว่าพฤติกรรมที่สังคมเห็นว่าไม่เป็นธรรมนั้นผิดกฎหมายแข่งขันทางการค้าหรือไม่  และ ส่วนสุดท้ายเป็นข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบในการดำเนินการกับกรณีดังกล่าว

       ปัญหาเกิดขึ้นจากการที่มีการเขียนบทความรื่อง แบ่งปัน SIAM BANANA โตเกียวบานาน่าไทย แบบมีกล้วยอยู่จริงๆ ที่แลกมาด้วยน้ำตา" เผยแพร่ใน blog ของ เว็บไซต์โอเคเนชั่น ซึ่งให้ข้อมูลว่าผู้ผลิตสินค้าสยามบานาน่าซึ่งได้รับความสำเร็จอย่างมากในการจำหน่ายสินค้าที่หัวหินและเขาใหญ่  ได้ติดต่อร้านสะดวกซื้อ 7-11 เพื่อที่จะวางขายสินค้าดังกล่าวทั่วประเทศ  ซึ่งทาง 7-11 ได้ตอบรับวางโดยตกลงว่าจะวางขายสินค้าดังกล่าวในวันที่ 1 เดือนเมษายน 2558   หากแต่มีเงื่อนไขว่าผู้ผลิตจะต้องเปิดเผยสูตรและกระบวนการและวิธีการผลิตขนมของตนในรายละเอียดเพื่อที่จะให้การผลิตสินค้าได้มาตรฐานสากล 


  
       แต่หลังจากนั้น ในเดือนกุมภาพันธ์ทาง 7-11 กลับมีการบอกเลิกสัญญาการวางขายสินค้าดังกล่าว ด้วยเหตุผลเพราะว่ามีสินค้าของตนเองแล้ว ชื่อว่า Le Pain Banana ทำให้ผู้ผลิตดังกล่าวไม่มีช่องทางการจำหน่ายที่จะระบายสินค้าเนื่องจากได้ลงทุนเพิ่มปริมาณการผลิตหลายร้อยเท่าทำให้เป็นหนี้สินอย่างมาก

       การแพร่กระจายของบทความดังกล่าวทาง social media อย่างรวดเร็วทำให้เกิดการเรียกร้องให้หน่วยงานของภาครัฐเข้ามาดำเนินการกับพฤติกรรมที่เป็นไม่เป็นธรรมของร้านสะดวกซื้อซึ่งมีอำนาจ ผูกขาด

       ในขณะเดียวกันทางกลุ่ม CPAll ก็ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า ร้านสะดวกซื้อ 7-11 มิได้มีอำนาจผูกขาดเพราะมีจำนวนสาขาเพียง 8000 สาขาทั่วประเทศในขณะที่มีร้านค้าปลีกรวมร้ายโชห่วยกว่า 8 แสนราย  นอกจากนี้แล้ว ได้ให้ข้อมูลว่า  การตรวจสอบรายละเอียดของกระบวนการผลิตสินค้านั้นเป็นสิ่งที่บริษัททำกับซัพพลายเออร์ทุกรายเพื่อที่จะให้สินค้าที่จะวางขายในร้านได้มาตรฐาน  มิได้เป็นการดำเนินการเฉพาะกรณีของ Siam Banana เพื่อล้วงความลับทางการค้า  นอกจากนี้แล้ว  ยังให้ความเห็นว่า สินค้าของตนกับของ Siam Banana อยู่คนละตลาดกัน เพราะ Le Pain Banana ราคาถูกกว่าครึ่งหนึ่งและจำหน่ายเป็นชิ้นมิได้มีการจำหน่ายเป็นกล่องที่เน้นการเป็นของฝากที่ค่อนข้าง หรูและทางบริษัทก็ได้มีการพัฒนาสินค้าดังกล่าวมาก่อนที่ Siam Banana จะติดต่อมาขอวางขายสินค้าของตนในช่วงปลายปี พ.ศ. 2557

       จากข้อมูลของทั้ง 2 ฝ่ายผู้เขียนมีข้อสังเกต 3 ประการ  ประการแรก  ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นไม่เกี่ยวกับการ ผูกขาด แต่อย่างใด  พฤติกรรมที่มีการกล่าวถึงนั้นมีลักษณะของ การค้าที่ไม่เป็นธรรม (unfair trade practice)” ตามมาตรา 29 แห่ง พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542 มิใช่ การผูกขาดหรือ การใช้อำนาจเหนือตลาด (market dominance)” ตามมาตรา 25  เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวกับการผูกขาดธุรกิจค้าปลีก แต่เกี่ยวกับการที่ร้านค้าปลีกถูกกล่าวหาว่าเอาเปรียบคู่ค้าที่เป็นซัพพลายเออร์จากการใช้ อำนาจต่อรอง” ที่เหนือกว่า  มาตรา 29 มีไว้เพื่อคุ้มครองธุรกิจรายย่อยที่ต้องทำธุรกรรมกับธุรกิจรายใหญ่มิให้ถูกเอาเปรียบ ไม่เกี่ยวกับการผูกขาดตลาดที่มีผลกระทบต่อผู้บริโภค ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพิสูจน์ว่า 7-11 มีส่วนแบ่งตลาดเกินเกณฑ์ของผู้มีอำนาจเหรือตลาด คือ ร้อยละ 50 หรือไม่ การถกเถียงเรื่องส่วนแบ่งตลาดจึงผิดประเด็น

       ประการที่สอง เนื่องจากการใช้อำนาจต่อรองที่เหนือกว่าของธุรกิจขนาดใหญ่ในการเอาเปรียบคู่ค้านั้นอาจมีหลากหลายรูปแบบไม่สามารถกำหนดลักษณะของพฤติกรรมแบบเฉพาะเจาะจงได้  มาตรา 29 จึงมีบทบัญญัติที่ค่อนข้างกว้างดังต่อไปนี้“  ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจกระทำการใด ๆ อันมิใช่การแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม และมีผลเป็นการทำลาย ทำให้เสียหาย ขัดขวาง กีดกัน หรือจำกัดการประกอบ ธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจอื่น หรือเพื่อมิให้ผู้อื่นประกอบธุรกิจ หรือต้องล้มเลิกการประกอบธุรกิจ” การศึกษาตัวอย่างของพฤติกรรมที่เข้าข่ายพฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรมในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน เยอรมัน สหรัฐอเมริกา ฯลฯ พบว่ามีหลากหลายรวมถึง การเลือกปฏิบัติระหว่างคู่ค้าโดยไม่มีเหตุผลอันควร การกำหนดเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจที่เป็นการจำกัดทางเลือกในการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการรายอื่น การใช้อำนาจต่อรองในการประกอบธุรกิจโดยไม่เป็นธรรม (กว้างมาก) การได้มาซึ่งข้อมูล  ความลับทางการผลิต การขาย เทคโนโลยี โดยวีธีการที่ไม่ถูกต้อง ฯลฯ  ดังนั้น  พฤติกรรมที่กล่าวถึงใน blog ของโอเคเนชั่นหากเกิดขึ้นจริงก็น่าจะเข้าข่ายพฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรมตามมาตรา 29 หากมีการพิสูจน์ความเสียหายของผู้ผลิต Siam Banana จากการกระทำดังกล่าวด้วย

       ประการที่สาม  ในประเด็นที่มีการถกเถียงกันว่า สินค้าของ Siam Banana และของ 7-11 ที่มีชื่อว่า Le Pain Banana นั้นเป็นสินค้าที่แข่งขันกันหรือไม่นั้น  อาจจะต้องไปศึกษาดูว่าเมื่อมี Le Pain Banana ออกมาในตลาดแล้ว มีผลกระทบต่อปริมาณการขายของ Siam Banana หรือไม่

       กล่าวโดยสรุป  ผู้เขียนเห็นว่าประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมีข้อมูลจำนวนมากที่ต้องมีการตรวจสอบและวิเคราะห์เพิ่มเติมเพื่อที่จะสรุปได้ว่ามีการกระทำที่เป็นการเอาเปรียบคู่ค้าหรือไม่  เพื่อคลายความเคลือบแคลงของสังคม รวมทั้งให้ความเป็นธรรมแก่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น 7-11 หากไม่ได้มีเจตนาในการเอาเปรียบคู่ค้าตามที่ถูกกล่าวหา หรือ ผู้ผลิต Siam Banana ที่ได้รับความเดือดร้อนหากเนื้อหาในบทความที่ปรากฏในโซเชียลมีเดียเป็นความจริง

       ทั้งนี้ สำนักแข่งขันทางการค้า ซึ่งเป็นหน่วยงานที่บังคับใช้ พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542 คงไม่สามารถ เงียบเฉย” ได้ในขณะที่ประเด็นนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในสื่อทุกรูปแบบ  ผู้เขียนเห็นว่า  สำนักงานจำเป็นที่จะต้องมาชี้แจงกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมาว่

-            มีประเด็นที่เกี่ยวโยงกับกฎหมายแข่งขันทางการค้าหรือไม่ หากมีแล้ว สำนักงานจะดำเนินการอย่างไร

-            มีการกระทำจริงตามที่มีการกล่าวถึงใน blog หรือไม่ เช่น มีการยกเลิกสัญญาการวางขายสินค้ากลางคันจริงหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็น่าจะดำเนินการทางแพ่งเพื่อเรียกร้องความเสียหายอันสืบเนื่องมาจากการผิดสัญญาได้

-            การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการกระบวนการผลิตของ Siam Banana นั้นเป็นเงื่อนไขที่ 7-11 ใช้กับซัพพลายเออร์ทุกรายจริงหรือไม่ หรือ เฉพาะรายนี้ซึ่งจะส่อพฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรม

-            การพัฒนาสินค้าขนมที่คล้ายคลึงกัน คือ Le pain Banana มีมาก่อนที่ Siam Banana จะมาเจรจาขอพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้าจริงหรือไม่ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่สามารถชี้ได้ว่ามีการใช้ประโยชน์จากสูตรการผลิตของ Siam Banana หรือไม่

-            เมื่อมีการออกสินค้า Le Pain Banana มามีผลต่ออุปสงค์ของ Siam Banana (ที่จำหน่ายที่หัวหิน และเขาใหญ่) หรือไม่ซึ่งจะช่วยบ่งบอกได้ว่าสินค้าสองตัวนี้แข่งกันหรือไม่

การที่สำนักงานฯ จะออกมาคงจะต้องรอสัญญาณจากรัฐบาลว่าจะเอาอย่างไรเพราะที่ผ่านมา  กว่า 16 ปี ประเด็นแข่งขันเกี่ยวมักเกี่ยวกับการเมือง ทำให้ข้าราชการประจำไม่กล้าที่จะ ทะเล่อทะล่า” ออกไปโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ  ดิฉันเห็นใจเจ้าหน้าที่สำนักแข่งขันทางการค้าที่มีความพยายามที่จะบังคับใช้กฎหมายนี้แต่ถูกห้ามถูกเบรคมาโดยตลอด คราวนี้เป็นการทดสอบพลังประชาชนว่าจะกดดันการเมืองไม่ให้ เกียร์ว่าง” ในกรณีนี้ได้หรือไม่  สุดท้ายแล้ว เรื่องเกี่ยวกับขนมไส้กล้วยไม่น่าจะจบลงอย่างกล้วยๆ ได้.

ไม่มีความคิดเห็น :